fbpixel

เรากลับมาคุยกันถึงเรื่องวิธีการดูแลลูกน้องของเราให้ห่างไกลจากอาการแพ้กันต่อนะคะ ความเดิมจากตอนที่แล้วหญิงได้เล่าถึงเรื่องอาการแพ้ที่เกิดขึ้นกับน้องริวลูกของหญิงเอง ซึ่งตอนที่แล้ว สาเหตุที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้จะมีต้นเหตุมาจากอาหารเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้หญิงจะมาเล่าให้ฟังต่อถึงเรื่องอาการแพ้ที่อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ อย่างเช่นสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวของลูกน้อยและคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

อันดับแรก ไปเริ่มกันที่ห้องนอนเลยค่ะ ห้องที่ลูกนอน คุณแม่ต้องทำความสะอาดทุกวันไม่ให้มีฝุ่นนะคะ หากมีเครื่องฟอกอากาศก็จะดีมากค่ะ ยกตัวอย่างเช่น มีคุณแม่ท่านหนึ่งบอกว่าทั้งลูกและตัวเค้าเองเป็นภูมิแพ้ทั้งคู่ จามตลอดเวลาเลย โดยเฉพาะในตอนเช้า แต่พอคุยไปคุยมา หญิงถามคุณแม่ท่านนั้นว่าทำความสะอาดห้องบ่อยไหม เค้าตอบว่าอาทิตย์ละครั้ง เพราะไม่อยากให้เด็กคนงานเข้ามาในห้องบ่อยๆ ฟังไปแล้วก็ร้อง อ๋อ…….เลยล่ะค่ะ เพราะปกติเวลาเราทำความสะอาดทุกวันก็ยังเห็นฝุ่นเลยนะคะ ถ้าอาทิตย์ละครั้งคงมีฝุ่นมากพอสมควร ซึ่งฝุ่นก็เป็นตัวการอย่างหนึ่งที่ทำให้เด็กเป็นภูมิแพ้นั่นเองค่ะ แล้วเราควรจะจัดการดูแลห้องนอนยังไงดีนะ? วันนี้หญิงเอาเคล็ดลับของที่บ้านหญิงมาเล่าสู่กันฟัง ตามนี้เลยค่ะ

ผ้าปูที่นอน หมอน ต้องเป็นแบบกันไรฝุ่นค่ะ และต้องเปลี่ยนทำความสะอาดเป็นประจำ ส่วนตัวที่บ้านหญิงจะเปลี่ยนทุกอาทิตย์ แต่ของลูกจะเปลี่ยนทุก 2 วันค่ะ และจะต้องดูดฝุ่นที่เตียงเค้าทุกวัน หมอนที่ใช้ก็เป็นต้องหมอนยางพารา ไม่ควรใช้หมอนที่เป็นนุ่นนะคะเพราะว่าจะเก็บฝุ่นค่ะ
ตุ๊กตาขนฟูๆ พรมสวยๆ ขนฟูๆ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ เอาออกหมด เป็นตัวเก็บฝุ่นอย่างดี สมัยก่อนสามีหญิงจะหายใจครืดคราดทุกเช้า แต่พอหญิงดูแลทุกอย่างแบบนี้แล้ว เชื่อไหมคะว่า เค้าไม่มีหายใจครืดคราดอีกเลย นอกจากจะดีต่อตัวลูกแล้วยังดีต่อคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ
ผ้าม่านก็ต้องหมั่นเอาออกมาทำความสะอาดบ้างนะคะ คนส่วนใหญ่จะมองข้ามเรื่องผ้าม่านไป ทั้งๆ ที่เป็นตัวเก็บฝุ่นชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวค่ะโดยทุกๆ 6 เดือนหญิงจะใช้บริการทำความสะอาดฟูกที่นอน และเก้าอี้โซฟา ของ http://www.dh-thailand.com/ ค่ะ ขอบอกก่อนนะคะว่าที่เขียนนี่ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่ประการใด แต่ว่าใช้ดีจริงๆ จึงอยากบอกต่อคะ
อันดับต่อมา สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงที่จริงๆ แล้วน่ารักนะคะ แต่ถ้าลูกเราเป็นภูมิแพ้อยู่ห่างๆ ไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ

ของใช้ของส่วนตัวลูก / ผลิตภัณฑ์สำหรับหรับเด็กต่างๆ อันดับแรก คุณแม่ต้องดูก่อนว่าน้องเป็นผื่นกระจายตามตัว หรือ เจอผื่นตามจุดต่างๆ ทั่วตัว หรือมีแค่จุดเดียว สำหรับคุณแม่มือใหม่จะค่อนข้างยากนิดนึงค่ะ แต่มีเทคนิคการสังเกตง่ายๆ คือว่า ถ้าหากลูกน้อยเกิดอาการผื่นแพ้ที่บริเวณใดของร่างกาย แปลว่าบริเวณนั้นได้มีการสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ค่ะ เช่น หนังศรีษะของลูกมักจะแห้ง ผมแห้ง อาจเป็นเพราะแพ้พวกแชมพูสระผม หรือถ้าเป็นผื่นบริเวณที่สัมผัสถูกผ้า ก็อาจจะแพ้พวกน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือน้ำยาซักผ้า ถ้าเป็นทั่วทั้งตัว ก็อาจแพ้โลชั่นทาผิว นี่เป็นข้อสังเกตง่ายๆ เบื้องต้นที่หญิงฝากไว้นะคะ

หรือคุณแม่อาจจะลองทดสอบแบบนี้ดูก็ได้ค่ะ ให้ลูกอาบน้ำเปล่าโดยไม่ต้องใช้สบู่ หรือ แชมพู และซักผ้าด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำเกลือ โดยไม่ใช้น้ำยาซักผ้า หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม ถ้าลูกเราแพ้สารเคมีที่อยู่ในของใช้เหล่านี้ อาบน้ำเปล่าเพียง 2-3 วัน หรือใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้ซักด้วยสารเคมี อาการของลูกก็ดีขึ้นแล้วค่ะ ถ้าอาการดีขึ้นแปลว่าลูกของเราแพ้สารเคมีที่อยู่ในพวกสารซักล้างเหล่านี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ระหว่างที่ทดสอบคุณแม่ก็ต้องอดอาหารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ทั้ง 5 ชนิดที่หญิงกล่าวไว้ใน วิธีดูแลลูกน้อยแพ้ง่าย #1 ด้วยนะคะ เหตุผลก็เพราะเราต้องพยายามตัดปัจจัยเสี่ยงทุกอย่างออกให้หมด ซึ่งโดยปกติถ้าควบคุมอาหารดีๆ แล้ว ให้ลูกอาบน้ำเปล่า ผิวลูกก็ใสสุขภาพดีแล้วค่ะ ทีนี้ก็ค่อยกลับมาลองทีละอย่าง ว่าลูกเรามีอาการแพ้อะไร เช่น ลองอาบน้ำด้วยสบู่ก่อน ว่าเป็นผื่นไหม ถ้าอาบแล้วไม่เป็นไร ก็แปลว่าไม่ได้แพ้สบู่ แล้วก็ค่อยๆ ลองไปที่ละตัวค่ะ แต่ ณ จุดนี้ ก็จะมีคุณแม่หลายท่านเคยถามว่า ทำไมต้องลองด้วย ในเมื่อน้องริวก็ผิวใสดีแล้ว ไม่อยากต้องไปเสี่ยงลองแล้วลูกต้องมาเจ็บตัวจากอาการแพ้อีก ช่วยบอกมาเลยได้ไหมว่าสารเคมีตัวไหนที่ไม่ดีเค้าจะได้ไม่ใช้ หญิงว่าอันนี้ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันค่ะ เมื่อลูกเราแพ้ง่ายเราก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดกับเจ้าตัวน้อยของเรา โดยหญิงได้รวบรวมสารที่ควรเลี่ยงไว้ให้ ซึ่งมีดังนี้ค่ะ

Sodium Laureth Sulfate – มักอยู่ในแชมพู สบู่ ยาสีฟัน และน้ำยาซักผ้า

Sodium Lauryl Sulfate- มักอยู่ในแชมพู สบู่ และน้ำยาซักผ้า

Sodium Lauryl Ether Sulfate – มักอยู่ในแชมพู สบู่ ยาสีฟัน และน้ำยาซักผ้า

Cocamido Propyl Betain- มักอยู่ในแชมพู สบู่ และน้ำยาซักผ้า

Propylene Glycol – มักอยู่ใน Baby Lotion และ Baby Wipe Fragrance

Mineral Oil – มักอยู่ใน Baby Lotion

Paraben – เป็นสารกันเสีย

PEG – สารเคมีที่ขึ้นด้วยตัวนี้ทั้งหมด

สุดท้าย การออกกำลังกาย คุณพ่อคุณแม่หลายท่านมักถามหญิงว่าเลี้ยงลูกดีขนาดนี้ ไม่เป็นการประคบประหงมลูกมากเกินไปเหรอ ต่อไปเมื่อเค้าโตขึ้น เค้าจะใช้พวกของที่มีสารเคมีได้หรือเปล่า หรือเค้าจะอยู่บนโลกที่มีแต่สารเคมีได้หรือไม่ คือ หญิงว่าเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ไม่เหมือนเมื่อก่อน โลกร้อนขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคตัวใหม่ๆ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนก็มีมากขึ้น คนปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ก็ใช้สารเคมีเยอะขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเราต้องเผชิญกับพวกยาฆ่าแมลง ยาปฏิชีวนะ หรือสารเคมีต่างๆ ที่มีอยู่ในอาหารที่เราทานเป็นประจำทุกวัน หญิงเคยได้ถามคุณหมอกัลย์ (คุณหมอผู้เชียวชาญทางด้านภูมิแพ้ในเด็ก โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์) ว่าทำไมเด็กไทยเดี๋ยวนี้แพ้นมวัวเยอะมากเลย คุณหมอตอบว่าแปลกมากทั้งๆที่ฝรั่งกินนมวัวมากกว่าเราตั้งหลายเท่าแต่ สัดส่วนการแพ้นมวัวของประเทศเค้ายังน้อยกว่าเราซะอีก

หญิงเลยคิดว่าอาหารการกินหรือของใช้ต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในบ้านเราอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร ยิ่งได้มาทำแบรนด์ Lamoon เอง บ้างครั้งเราก็ได้เห็นสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่มีขายตามท้องตลาดแล้ว เราก็นึกโกรธนะคะ ว่าเอาส่วนผสมตัวนี้มาใช้กับเด็กได้อย่างไร เพราะมันเป็นสารเคมีที่แรงมาก พอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและสอบถามกับผู้ผลิตโรงงานถึงได้เข้าใจว่า พวกเค้าต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุน และราคาว่าจะขายได้ไหม ก็เลยต้องเลือกส่วนผสมที่มีราคาไม่แพงไว้ก่อน เพื่อให้คุ้มกับการผลิต และการจัดจำหน่าย ซึ่งแตกต่างจาก Lamoon ที่ราคาของส่วนผสมค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากเรามีจุดยืนว่าทุกอย่างของเราต้องมาจากธรรมชาติ 100% และมีคุณภาพดี นอกจากจะปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แล้ว ยังต้องช่วยทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพผิวที่ดี และแข็งแรงอีกด้วย

เด็กแรกเกิดภูมิต้านทานเค้ายังไม่ดีพอค่ะ สิ่งที่พ่อแม่จะให้ได้นอกจากการดูแลลูกอย่างดี ยังมีเรื่องของภูมิคุ้มกัน นั่นก็คือการให้ทานนมแม่นั่นเองค่ะ ลูกหญิงทั้งสองคน ทานนมแม่ล้วนถึง 1 ปีเต็มค่ะ บอกได้เลยค่ะ ว่าลูกของหญิงทั้ง 2 คนไม่เคยเจ็บป่วยรุนแรง ไม่เคยท้องเสีย ท้องร่วง เป็นแค่หวัดนิดหน่อยเท่านั้นตอนที่เค้ายังเด็ก ซึ่งภูมิคัมกันเค้ายังไม่ดีพอ โดยในช่วงนั้นเราก็ควรจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้ไปก่อนนะคะ เพราะเมื่อเค้าโตขึ้น และภูมิคุ้มกันของเค้าแข็งแรง ถึงให้เจอเชื้อโรค หรือสารเคมีต่างๆ เค้าก็จะไม่แพ้ค่ะ เพราะโครงสร้างผิวเค้าแข็งแรงแล้ว และที่สำคัญหญิงไม่เพียงแต่คอยเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เท่านั้น หญิงยังส่งเสริมให้ลูกออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงด้วยค่ะ มิกิ และ ริว ไปเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ 5 เดือน จนถึงปัจจุบัน มิกิ 4 ขวบ ริว 2 ขวบ ทั้งสองคนไม่เคยเป็นหวัดจากการว่ายน้ำเลย และที่สังเกตุได้ก็คือ ทั้งสองคนก็จะเดินเร็ว และ แข็งแรง เวลาเดินไม่ค่อยล้มค่ะ มีความมั่นใจเป็นของตัวเองสูงมาก

ทุกเช้าหญิงจะพาเค้าออกไปเดินเล่นเก็บดอกไม้บ้าง วิ่งเล่น ไปเหยียบหญ้าบ้าง ไปเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ บ้างครั้งก็ชวนกันวิ่งแข่ง ปั่นจักรยานบ้าง หรือถ้าตอนเด็กๆ ก็แข่งคลานกันในบ้านค่ะ นอกจากจะช่วยให้ลูกแข็งแรงแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวด้วยค่ะ

หญิงและทีมงานละมุนทุกคนมีความสุขทุกๆ ครั้ง ที่เด็กๆ หายจากอาการแพ้สารเคมีต่างๆ เพราะได้ใช้ละมุนค่ะ รู้สึกว่าเราคิดถูกจริงๆ ที่ไม่ได้เก็บละมุนไว้ใช้คนเดียวแต่เราแบ่งปันละมุนให้กับคุณแม่ท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ

Happy Family

วิธีดูแลลูกน้อยแพ้ง่าย#2